Home
เทคโนโลยียานยนต์มีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดนับตั้งแต่เริ่มศตวรรษที่ 21 หรือตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา พร้อมกับราคาจำหน่ายที่พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
วันนี้ เราจึงขอนำเสนอ 5 อันดับแรกของรถซูเปอร์พรีเมียมที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก โดยราคาจำหน่ายที่เห็นนั้นเป็นราคาสุทธิที่ยังไม่รวมภาษีต่าง ๆ เมื่อนำเข้าไปทำตลาดในแต่ละประเทศ
#5. Bugatti Divo
ราคา 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (190 ล้านบาท)
Bugatti Divo เป็นรถไฮเปอร์คาร์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจาก Chiron มาพร้อมการรีดน้ำหนักด้วยการสวมล้ออลูมิเนียม ติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์คาร์บอนไฟเบอร์ และถูกถอดวัสดุดูดซับเสียง ทำให้มีน้ำหนักเบาลง 77 ปอนด์เมื่อเทียบกับรุ่น Chiron ขณะที่ขุมพลังยังคงใช้บล็อกเดิม W16 เรี่ยวแรง 1,500 แรงม้า มีจำนวนผลิตเพียง 40 คันในโลกเท่านั้น
#4. Mercedes-Maybach Exelero
ราคา 8 ล้านเหรียญสหรัฐ (262 ล้านบาท)
ความพิเศษของ Mercedes-Benz Maybach Exelero คือการผลิตเพียงคันเดียวในโลก สั่งทำโดย Fulda บริษัทลูกของ Goodyear เพื่อนำไปทดสอบกับยางรุ่นใหม่ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์วี12 ทวินเทอร์โบ พละกำลัง 690 แรงม้า แรงบิด 1,020 นิวตันเมตร ท็อปสปีดอยู่ที่ 350 กม.ต่อชม.
#3. Bugatti Centodieci
ราคา 9 ล้านเหรียญสหรัฐ (295 ล้านบาท)
Bugatti เปิดตัว Centodieci ที่งานแสดงยานยนต์ Pebble Beach ในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนผลิตแค่ 10 คันเท่านั้น สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่รถคลาสสิค Bugatti EB110 และยังเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 110 ปีของแบรนด์รถพรีเมียมจากฝรั่งเศส ไฮไลท์อยู่ที่รูปลักษณ์สุดล้ำราวกับหลุดมาจากภาพยนตร์ไซไฟซึ่งบางคนอาจมองว่าดูโอเวอร์ไปหน่อย มีรายงานว่าคริสเตียโน่ โรนัลโด ควักกระเป๋าจับจองรถรุ่นนี้เรียบร้อยแล้ว
#2. Rolls-Royce Sweptail
ราคา 12.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (420 ล้านบาท)
Rolls-Royce Sweptail ได้ชื่อว่าเป็นรถที่มีราคาแพงที่สุดในโลกประจำปี 2017 และถูกสั่งผลิตแบบหนึ่งเดียวในโลก มีรายงานว่ายนตรกรรมจากเมืองผู้ดีคันนี้ใช้เวลาพัฒนานานกว่า 4 ปี และเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este ในปี 2017
#1. Bugatti La Voiture Noire
ราคา 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (613 ล้านบาท)
Bugatti La Voiture Noire สะเทือนวงการด้วยการเปิดตัวพร้อมราคาค่าตัวฉีกขนหน้าแข้งกระจุยที่ 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ วางเครื่องยนต์บล็อกสแตนดาร์ W16 พละกำลัง 1,500 แรงม้า รูปทรงดุดัน สีตัวถังสาดโทนดำเข้มเน้นความโหดเหี้ยมมากขึ้นไปอีก การผลิตเพียงคันเดียวในโลกทำให้ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษนี้มีมูลค่ามหาศาลจนแทบประเมินค่ามิได้
ที่มา: เว็บไซต์ Motor1.com
เทคโนโลยียานยนต์มีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดนับตั้งแต่เริ่มศตวรรษที่ 21 หรือตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา พร้อมกับราคาจำหน่ายที่พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
วันนี้ เราจึงขอนำเสนอ 5 อันดับแรกของรถซูเปอร์พรีเมียมที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก โดยราคาจำหน่ายที่เห็นนั้นเป็นราคาสุทธิที่ยังไม่รวมภาษีต่าง ๆ เมื่อนำเข้าไปทำตลาดในแต่ละประเทศ
#5. Bugatti Divo
ราคา 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (190 ล้านบาท)
Bugatti Divo เป็นรถไฮเปอร์คาร์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจาก Chiron มาพร้อมการรีดน้ำหนักด้วยการสวมล้ออลูมิเนียม ติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์คาร์บอนไฟเบอร์ และถูกถอดวัสดุดูดซับเสียง ทำให้มีน้ำหนักเบาลง 77 ปอนด์เมื่อเทียบกับรุ่น Chiron ขณะที่ขุมพลังยังคงใช้บล็อกเดิม W16 เรี่ยวแรง 1,500 แรงม้า มีจำนวนผลิตเพียง 40 คันในโลกเท่านั้น
#4. Mercedes-Maybach Exelero
ความพิเศษของ Mercedes-Benz Maybach Exelero คือการผลิตเพียงคันเดียวในโลก สั่งทำโดย Fulda บริษัทลูกของ Goodyear เพื่อนำไปทดสอบกับยางรุ่นใหม่ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2004 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์วี12 ทวินเทอร์โบ พละกำลัง 690 แรงม้า แรงบิด 1,020 นิวตันเมตร ท็อปสปีดอยู่ที่ 350 กม.ต่อชม.
#3. Bugatti Centodieci
Bugatti เปิดตัว Centodieci ที่งานแสดงยานยนต์ Pebble Beach ในสหรัฐอเมริกา มีจำนวนผลิตแค่ 10 คันเท่านั้น สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่รถคลาสสิค Bugatti EB110 และยังเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 110 ปีของแบรนด์รถพรีเมียมจากฝรั่งเศส ไฮไลท์อยู่ที่รูปลักษณ์สุดล้ำราวกับหลุดมาจากภาพยนตร์ไซไฟซึ่งบางคนอาจมองว่าดูโอเวอร์ไปหน่อย มีรายงานว่าคริสเตียโน่ โรนัลโด ควักกระเป๋าจับจองรถรุ่นนี้เรียบร้อยแล้ว
#2. Rolls-Royce Sweptail
Rolls-Royce Sweptail ได้ชื่อว่าเป็นรถที่มีราคาแพงที่สุดในโลกประจำปี 2017 และถูกสั่งผลิตแบบหนึ่งเดียวในโลก มีรายงานว่ายนตรกรรมจากเมืองผู้ดีคันนี้ใช้เวลาพัฒนานานกว่า 4 ปี และเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Concorso d’Eleganza Villa d’Este ในปี 2017
#1. Bugatti La Voiture Noire
ราคา 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (613 ล้านบาท)
Bugatti La Voiture Noire สะเทือนวงการด้วยการเปิดตัวพร้อมราคาค่าตัวฉีกขนหน้าแข้งกระจุยที่ 18.7 ล้านเหรียญสหรัฐ วางเครื่องยนต์บล็อกสแตนดาร์ W16 พละกำลัง 1,500 แรงม้า รูปทรงดุดัน สีตัวถังสาดโทนดำเข้มเน้นความโหดเหี้ยมมากขึ้นไปอีก การผลิตเพียงคันเดียวในโลกทำให้ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษนี้มีมูลค่ามหาศาลจนแทบประเมินค่ามิได้
ที่มา: เว็บไซต์ Motor1.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น