การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า มีสัญญาณตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2564 โดยอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในเดือนตุลาคมอยู่ที่ระดับ 2.38% เดือนพฤศจิกายน 2.71% และ เดือนธันวาคม 2.17% ทั้งนี้ ในปี 2564 อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 1.23 % ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย
แล้วเงินเฟ้อมีผลกระทบต่อพวกเรายังไง?
เงินเฟ้อมีผลทำให้มูลค่าเงินที่มีอยู่ลดลง อาจทำให้รายได้ที่มีหรือเงินที่หามาได้ไม่เพียงพอกับการใช้ชีวิต เราอาจยกตัวอย่างได้ว่า ราคาหมูที่แพงขึ้น ไข่ไก่ เครื่องปรุงต่าง ๆ จะมีการปรับราคาเพิ่มมากขึ้นหากเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งก็มาจากผลกระทบจากเงินเฟ้อนั่นเอง
เมื่อวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ร้านค้า ร้านอาหารหลายร้านก็มีการปรับราคาขึ้นตามเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นหากมองในอีกมุมหนึ่ง เมื่อรัฐไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้ ภาระจึงตกไปที่ผู้บริโภค
Oded Koenigsberg ศาสตราจารย์ด้านการตลาด จาก London Business School ซึ่งเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับหลายบริษัทที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อ และได้ให้ความเห็นไว้ว่า บริษัทเหล่านี้ควรมองว่าอัตราเงินเฟ้อเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นในการคว้ามากกว่าที่จะเป็นปัญหาที่ไม่สบายใจในการแก้ไข
ทั้งนี้เขาได้เสนอ 3 กลยุทธ์การตั้งราคาที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของคุณไปรอดในวิกฤติเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้น
1. ลดปริมาณแต่ราคาคงเดิม
ตามหลักของเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมมนุษย์จะแสดงให้เห็นว่า ลูกค้ามีความอ่อนไหวต่อราคามากกว่าความอ่อนไหวต่อปริมาณ หมายความว่าถ้าหากราคาสูงขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาจะเริ่มสังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงและอาจเกิดอคติขึ้นได้ แต่ถ้าหากมีการปรับปริมาณลดลงเพียงเล็กน้อยเพื่อให้คุ้มกับทุน ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะไม่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้
แต่ถึงอย่างนั้นการลดปริมาณก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะลดคุณภาพของสินค้าหรือบริการนั้นลงได้ เพราะนั่นอาจทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่พอใจ
2. วางตำแหน่งแบรนด์ใหม่
ในขณะที่ต้นทุนมีราคาที่ต้องจ่ายสูงขึ้น ธุรกิจหลายแห่งเริ่มปรับราคาให้สูงขึ้นตามกัน แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งแล้ว ลูกค้าจะเต็มใจจ่ายกับสินค้าแบบไหนมากกว่ากันระหว่างสินค้าที่เหมือนกันแต่ราคาถูกกว่า กับสินค้าที่เหมือนกันกับราคาที่แพงพอ ๆ กัน
ในยุควิกฤติแบบนี้ ร้านค้าไหนมีราคาต่ำที่สุดย่อมได้เปรียบในทางการตลาดแน่นอน ถึงแม้จะขายของราคาต่ำกว่าคนทั่วไปขาย แต่ลูกค้าที่เข้ามาไม่หยุดหย่อนจะสร้างกำไรให้กับคุณได้มหาศาล
3. เปลี่ยนรูปแบบราคา
การปรับเปลี่ยนวิธีเก็บเงินของลูกค้าจะช่วยให้คุณได้เปรียบทางธุรกิจอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่หลายแห่งมักจะใช้กันนั่นคือการใช้ระบบสมาชิก ที่จะเก็บเงินเป็นแบบรายเดือน หรือต่อหน่วยบริโภคอื่น ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในแต่ละธุรกิจ นั่นหมายความว่าลูกค้าจะต้องบังคับตัวเองให้จ่ายเงินให้คุณตามเวลาที่กำหนดไว้
บริษัท Adobe ก็เคยเปลี่ยนจากการซื้อแบบถาวร กลายมาเป็นรายเดือนทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจาก22.5 พันล้านดอลลาร์ เป็น 310 พันล้านดอลลาร์
แทนที่จะเพิ่มราคาตามตลาดอื่นและผลักภาระทั้งหมดไปให้กับผู้บริโภค การปรับตัวและหาจุดร่วมกันตรงกลางก็เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรจะคำนึงถึง เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย สร้างความพึงพอใจให้ได้กับทุกฝ่าย
ถ้าหากคุณนึกถึงความพึงพอใจของผู้บริโภคเป็นหลัก ไม่ว่าจะขายอะไร ยังไงก็ขายได้แน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น